
เป็นยังไงถึงได้ลงมิสแกรนด์ทั้งที่ตัวเองยังทัวร์คอนเสิร์ตอยู่?
อาม : หนูคิดว่ามันความสวยเรามันต่อยอดได้ ถ้าเราไปประกวดเราอาจจะได้ตำแหน่งมาได้รางวัล มันต้องมีอะไรสักอย่าง มันไปได้อีก
พอมาอยู่ในวงการมิสแกรนด์ มีความกดดันหรือมีคนมาบูลลี่เราหรือเปล่า ?
อาม: ถ้าย้อนกลับไปช่วงแรกมีเยอะ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจ road to เลยด้วยซ้ำ คือมันกดดันหลายๆ เรื่อง ด้วยความที่เราเองก็ไม่ใช่สายบิวตี้ควีนเลย รู้อยู่แล้วว่ามันต้องมี เรามาเปลี่ยน mindset ตัวเองด้วยว่าถ้าจะมาอยู่จุดนี้ ต้องยอมรับให้ได้ พอปรับกับความคิดได้ทุกอย่าง มันก็สบายใจ
เป็นตัวแทนของแพร่ แล้วมีกระแสดราม่าใน TikTok คำว่า แพร่แว้ คืออะไร ?
อาม : คำนี้มาจากไวรัลในโซเชียลนี่แหละ แพร่แว้ ในภาษาอีสาน แพร่แว้มันเป็นตาฮักเด้ ( น่ารัก ) อยู่ที่บริบท มันอยู่ที่เรา
ประสบความสำเร็จได้อันดับเท่าไหร่ ?
อาม : รองอันดับ 5 ( อันดับที่ 6 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ )

อาม : พอใจ เราได้ฐานแฟนคลับที่เพิ่มมากขึ้น ได้เฉิดฉาย จริงๆ แค่อยากมาเดินตรงเวทีนี้ เป็นแค่ 1 ใน 77 คนก็ดีใจแล้วที่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแบบเรียงแถวยากมากๆ นะ กว่าจะเป็นตัวแทนจังหวัดได้
สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจที่ลงประกวดมิสแกรนด์
อาม : เราอยากเกาะกระแสตรงนี้พูดตรงๆ เลย ก็คือเวทีนี้เขาดัง หนูรู้สึกว่าหนูไปได้อีก ฉันจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้ หนูกลัวว่าจะได้สามีก่อน เพราะถ้าได้สามีจะไม่สามารถลงมิสแกรนด์ได้ เราอยากทำตามความฝันก่อนที่มันจะไม่มีโอกาส ตอนเข้ากองไปแรกๆ จะมีช่วงที่เขาจะให้โหวตเอาคะแนนตรงนั้น แล้วก็ใครที่เข้า top 10 คน จากคะแนนโหวตวันแรกจะให้ไปนั่งโต๊ะกินข้าวทานข้าวร่วมกับบอส แล้วพอเราได้เข้าไปเป็น 1 ในนั้น เข้าใจเลย แปลว่าเป็นตัวของตัวเองได้เลย เราเข้าใจว่าต้องเป็นนางงามนั่งแบบนี้ตลอดเวลา ก็เลยรู้สึกเครียดในช่วงแรก พอเข้าไปแล้วบอสบอกว่าเป็นตัวของตัวเองได้เลย จอยเลยเต็มที่เลยสนุก ก็เริ่มตั้งแต่วันแรกเลยสนุกกับการอยู่ในกองประกวด
ในวงการมิสแกรนด์มีจริงไหม ที่จะสนับสนุนแค่คนที่ดูมีแววว่าจะไปต่อได้ ?
อาม : สำหรับหนูคิดว่ามันอยู่ที่ความขยันของแต่ละคน ถึงคุณจะมีชื่อเสียงในวงการนักร้อง แต่ว่าอันนี้มันคือเวทีของมิสแกรนด์ มันคนละบริบท เพราะฉะนั้นถ้าหนูไม่มีความพยายาม หรือว่าไม่มีความขยัน หรือขี้เกียจ หรือหนูเอาแต่ใจ ถ้าทำตัวไม่น่ารักก็ทำงานกับคนอื่นได้ยาก แต่เชื่อว่าหนูเป็นคนที่ตั้งใจมาก ๆ คนหนึ่ง เราเริ่มจากศูนย์ บางคนอาจจะเริ่มนับ 1 หนูเริ่มจากติดลบเลยด้วยซ้ำกับวงการนี้

อาม : เพราะเราไม่ได้มีความรู้เลย แล้วก็มาตอนอายุ 25 แต่คนอื่นอาจจะมาตั้งแต่อายุ 18 เขาก็ประกวดไปเรื่อยๆ จะมีประสบการณ์มากกว่า
ถ้าคิดว่าเรามาจากติดลบ ก็แสดงว่าชื่อที่เราเดินมา หรือสิ่งที่เคยทำมามันไม่มีคุณค่าสำหรับเราเหรอ ?
อาม : สำหรับหนูมองว่าเป็นคนละคนกัน คือเราเคยเป็นคนที่มีทีมงาน มีผู้จัดการคอยดูแลทุกอย่าง เวลาไปทำงานเราก็แค่ไปถึงหน้างาน มีคนขับรถ มีคนจัดคอสตูม เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทุกอย่างเรียบร้อย แต่พอเข้ากองมิสแกรนด์ มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ทุกคนต้องเปลี่ยนชุดเอง แต่งหน้าเอง ทำผมเอง อยู่กับเพื่อนๆ เหมือนเข้าค่าย ต้องทำกิจกรรมร่วมกัน หนูก็เลยตั้งใจบอกกับตัวเองว่า ….”.โอเค จากนี้ไป 1 เดือนกว่าๆ ที่อยู่ในกอง ฉันจะไม่ใช่อามที่เป็นนักร้อง ฉันจะเป็นอามอีกคนหนึ่งที่เริ่มจากศูนย์” เหมือนตอนที่เราเคยอยากเป็นนักร้องใหม่ๆ เลย เป็นฟีลแบบไม่มีน้ำในแก้วเลย กลับมาเริ่มจากศูนย์ใหม่แบบนั้นจริงๆ เราจะไม่มีอารมณ์วีนใส่ใคร ไม่งอแงใส่ใคร ไม่มีเลย หนูเลยรู้สึกว่างั้นฉันเอาตัวตนอีกคนหนึ่ง มาอยู่ในบทบาทใหม่แล้วมันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่ามันสนุกนะ



