
ล่าสุด ทราย สก็อต ได้ออกมาเปิดใจเล่าเรื่อง ครอบครัวที่ผ่านมา ที่ตัวเองเจอผ่านรายการ ตีท้ายครัว โดยทรายเผยว่า . . . บ้านหลังนี้เป็นที่ที่มีประวัติเยอะ ช่วงที่ทรายกลับมาหลังจากโควิด เป็นจังหวะของชีวิตที่เรากลับมาอยู่ไทย มันมีเเค่เสียงในใจที่เรารู้สึกอยากมาอยู่กับทะเล เราเหมือนถูกเรียกมา ตอนที่เรามา พี่เลี้ยงคนนี้ก็ยังอยู่ เเละครอบครัวเราก็อยู่พร้อมหน้ากัน เพราะเป็นช่วงโควิด
การที่เราใช้ชีวิตที่นี่เราถูกทำร้ายอยู่ ใช้ชีวิตกับคนที่เคยทำร้ายเรา วันนึงเราจึงตัดสินใจว่าเราจะไปบอกพี่เลี้ยงว่าเราจำเรื่องราวในอดีตได้ ที่เขาทำร้ายเรา เขาก็ช็อคว่าเราจำได้เเละเขาก็บอกว่าถ้าทุกคนรู้เขาจะโดนไล่ออก เรื่องนี้เพิ่ง 5 ปี ที่เเล้ว ไม่นาน ทุกอย่างเปลี่ยนเร็วมาก วันที่ทรายบอกเขาเรื่องนี้ทรายรู้สึกเศร้ามากเพราะ
นอกจากคนในครอบครัวเเล้วเราก็มีพี่เลี้ยงที่เรารัก เเต่สิ่งที่เรารักในตัวเขาเราต้องตัดออกเพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี วันนั้นเราต้องทำใจกับการสูญเสียคนที่อยากให้ดูเเลเรา พี่เลี้ยงถูกกดดันโดนไล่ออก หลังจากนั้นทรายก็ปลดล็อคหลายอย่าง เราได้ทำสิ่งที่อยากทำ เเต่ตอนเราเริ่มเก่งขึ้น เราว่ายน้ำได้ไกลขึ้น ช่วยสังคมเยอะขึ้น
เรารู้สึกว่าคุณเเม่ควบคุมเราไม่ได้เเละเขาก็เริ่มทำให้ชีวิตทรายที่บ้านลำบากขึ้น ให้คนงานที่บ้านไม่คุยกับเรา ไม่ใช้คนงานช่วยเรา ช่วงนั้นป้าๆ น้าๆ กลับไปอยู่ที่บ้านเขาเเล้วเหลือทรายกับเเม่ที่บ้านหลังนี้ มีช่วงนึงเขาทำให้เราอยู่ไม่ได้ เราเลยย้ายไปอยู่ภาคใต้ ช่วงนั้นเเม่เขาจ้างผู้หญิงคนที่ข่มขืนทรายกลับมาทำงานที่นี่อีกครั้งเพื่อที่จะไม่ทำให้ทรายกลับมาที่บ้าน ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ต่ำที่สุด การที่เอาตัวรอดขนาดนั้นได้เราก็สุดยอดเเล้วเเต่เเม่เราเป็นคนดึงเขากลับมาเองเพื่อมาทำร้ายเรา เเล้วบ้านที่เรารู้สึกผูกพัน เราไม่สามารถกลับมาได้ เราก็อยู่กับทะเลตลอดเลยเป็นช่วงที่ทรายว่ายน้ำข้ามเกาะ เพราะรู้สึกว่าบนบกไม่ได้ปลอดภัยเท่าทะเล ไปถึงจุดนึงเราไม่สนเเล้วว่าครอบครัวเราจะเป็นยังไง เเต่เราต้องเอาตัวเองให้รอด หลังจากนั้นน้าๆกับป้าๆก็ช่วยมัดมือเเม่มาคืนสิทธิ์ต่างๆให้กับทรายไม่ให้เขาทำร้ายทรายเซ็นต์สัญญาอะไรต่างๆ บ้านหลังนี้จากที่โดนไล่ออก ทรายก็เพิ่งรู้ว่าชื่อเเม่ไม่ได้อยู่ในโฉนดเเต่มันเป็นชื่อของทรายคุณตาคุณยาทิ้งไว้ให้ เรื่องมันยิ่งกว่าละครอีก เเต่มันเกิดขึ้นจริง




