
เมย์เผยว่า สิ่งที่เธอพูดในรายการนั้นครอบคลุมทั้งความรู้สึกและข้อเท็จจริงที่พบเจอมาแล้ว “มันเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต หนูไม่รู้จะพูดอะไรเพิ่มแล้วจริง ๆ ค่ะ” เรื่องราวเริ่มจากความไว้วางใจในฐานะเพื่อน เธอมอบของให้อีกฝ่ายด้วยเจตนาดี แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาทำให้รู้สึกสูญเสียศักดิ์ศรี “หนูให้ยืมของไปด้วยความเป็นเพื่อน ด้วยความเชื่อใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมาทำให้รู้สึกว่า มันคือฟางเส้นสุดท้ายจริง ๆ จนต้องออกมาปกป้องตัวเองค่ะ”
สำหรับเมย์ ความน่าเชื่อถือคือหัวใจของธุรกิจที่ทำ ทุกคำพูดและสัญญามีความหมายอย่างยิ่ง เหตุการณ์นี้จึงกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของเธอโดยตรง “เมย์จริงจังกับความน่าเชื่อถือมาก ๆ ค่ะ เพราะมันคือรากฐานของธุรกิจ เรื่องนี้กระทบหนักจริง ๆ”
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เมย์เลือกที่จะเงียบ ไม่โพสต์หรือพูดอะไร เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เธอแค่หวังจะได้ของที่รักกลับคืนมา “เมย์ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าจะต้องมานั่งอยู่ในโหนกระแส แค่หวังให้ได้ของคืนเท่านั้น”
ถึงแม้เรื่องราวจะจบลงไม่สวยงาม เมย์ยอมรับว่าเธอโทษตัวเองที่ไว้วางใจมากเกินไป “เมย์ให้เขาไปเอง ช่วยน้องด้วยใจจริง ๆ เชื่อมาตลอด 6-7 เดือน แม้พี่มดดำจะเตือนแล้ว แต่หนูยังเชื่อ สุดท้ายเมื่อเห็นกับตา หนูรับไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
เมย์ยืนยันว่า หากได้ของคืน เรื่องนี้จะจบลง โดยไม่มีการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีใด ๆ แต่ถ้าไม่ได้ เธอพร้อมต่อสู้จนถึงที่สุด “เมย์ไม่โกรธ ไม่เคียดแค้นใคร ขอแค่ของคืนก็พอค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ เมย์จะสู้ให้ถึงที่สุด”
ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทคนนี้ เมย์กล่าวชัดเจนว่า “ไม่โกรธ ไม่เคือง แต่กลัวและเข็ดแล้ว ต่อไปนี้จะไม่เหมือนเดิมอีก” พร้อมเผยว่า “ของชิ้นนี้มีคุณค่าทางใจมาก หนูไม่เคยคิดจะขายเลย อยากได้คืนแค่นั้นจริง ๆ”
ขณะนี้ เมย์อยู่ในขั้นตอนดำเนินคดี และรอข้อมูลเพิ่มเติมจากฝั่งน้องและทนาย “เมย์รอทุกวันค่ะ เส้นตายคือทุกวัน ตื่นเช้ามาก็หวังว่าจะได้ของคืน” เธอกล่าวทิ้งท้าย


